
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ โดยคิดเป็นประมาณ 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) แต่หลายธุรกิจเหล่านี้มักพบกับความท้าทายในเรื่องของการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การจัดการการเงินที่มีประสิทธิภาพ และการขยายธุรกิจ นี่คือที่ที่ฟินเทคเข้ามามีบทบาทในการเสนอทางออกให้กับ SMEs ผ่านเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและการเข้าถึงบริการทางการเงินที่สะดวกสบาย
หนึ่งในนวัตกรรมฟินเทคที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับ SMEs คือแพลตฟอร์มสินเชื่อที่ใช้เทคโนโลยี การให้สินเชื่อผ่านแพลตฟอร์ม P2P หรือการให้สินเชื่อที่ใช้ข้อมูลทำให้ SMEs สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการที่ยาวนานและซับซ้อนของธนาคารดั้งเดิม ตัวอย่างเช่น “PeerPower” ที่เชื่อมโยงผู้กู้กับนักลงทุนโดยตรงทำให้ SMEs สามารถได้รับเงินทุนที่พวกเขาต้องการสำหรับการขยายธุรกิจหรือการดำเนินการ
ฟินเทคยังมีบทบาทในการช่วย SMEs ในการจัดการการเงินด้วยแอปพลิเคชันที่ช่วยในด้านการบัญชีและการติดตามการเงิน เช่น “QuickBooks” และ “Xero” ซึ่งช่วยให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสามารถบันทึกการทำธุรกรรมและตรวจสอบกระแสเงินสดได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านการบัญชี
นอกจากนี้ ฟินเทคยังช่วยให้ SMEs สามารถรับชำระเงินจากลูกค้าผ่านระบบการชำระเงินดิจิทัลได้อย่างสะดวกและปลอดภัย การใช้ระบบการชำระเงินดิจิทัลช่วยลดระยะเวลาการทำธุรกรรมและทำให้การรับเงินเร็วขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายให้กับธุรกิจ
ฟินเทคยังช่วยให้ SMEs ขยายการเข้าถึงตลาด โดยสามารถขายสินค้าหรือบริการของตนทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ฟินเทคทำให้ SMEs สามารถรับการชำระเงินจากลูกค้าทั่วโลกได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่แพง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ฟินเทคจะเปิดโอกาสให้กับ SMEs มากมาย ยังมีความท้าทายด้านความปลอดภัยของข้อมูลและการกำกับดูแลที่ต้องเผชิญ โดยการร่วมมือระหว่างสตาร์ทอัพฟินเทคและรัฐบาลในการพัฒนานโยบายการรักษาความปลอดภัยข้อมูลและการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายจะเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจเหล่านี้