ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในจำนวนคนรุ่นใหม่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในตลาดหุ้น การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่กว้างขึ้นในการเสริมสร้างความสามารถทางการเงินในหมู่คนรุ่นใหม่ ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากการเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินที่สะดวกสบายมากขึ้น ความตระหนักรู้เกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนที่มากขึ้น และการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัล
การเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตนี้ แพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Kiatnakin Phatra Securities และ TD Ameritrade พร้อมทั้งแอปพลิเคชันต่างๆ อย่าง Robinhood ช่วยให้การซื้อขายหุ้นเป็นเรื่องง่ายและสะดวก โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำและมีเครื่องมือในการศึกษาตลาด ทำให้มันเหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ลึกเกี่ยวกับการลงทุนมาก่อน
การเข้าถึงแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถเริ่มต้นการลงทุนได้แม้มีเงินลงทุนเริ่มต้นน้อย และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างสะดวกทุกที่ทุกเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจนักลงทุนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับการใช้งานสมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชันต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ความรู้ทางการเงินของคนรุ่นใหม่ในประเทศไทยก็เติบโตขึ้นอย่างมาก คนรุ่นใหม่เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต เนื่องจากสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลการศึกษาออนไลน์ได้อย่างสะดวก เช่น คอร์สการเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน บทความ และบล็อกการเงิน รวมถึงเนื้อหาจากผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดียที่สอนการลงทุนและการบริหารเงิน การศึกษาเหล่านี้ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถทำการตัดสินใจลงทุนที่มีข้อมูลรองรับและเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรมทางการเงิน
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อพฤติกรรมการลงทุนของคนรุ่นใหม่ในประเทศไทย ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์และการจำกัดการเดินทางหลายคนพบว่าเวลาว่างเพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสในการศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนมากขึ้น ซึ่งหลายคนจึงตัดสินใจที่จะหันมาลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อเพิ่มช่องทางรายได้และสร้างความมั่นคงทางการเงินในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน
ความสนใจในการลงทุนในหุ้นของคนรุ่นใหม่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในทัศนคติทางการเงินโดยรวมของคนไทยรุ่นใหม่ ซึ่งมักให้ความสำคัญกับการมีอิสรภาพทางการเงินและการสร้างความมั่งคั่งมากกว่าการพึ่งพารายได้จากงานประจำ การลงทุนในหุ้นเป็นช่องทางหนึ่งที่คนรุ่นใหม่มองว่าเป็นวิธีที่สามารถสร้างผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินในบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิม
สิ่งที่สำคัญอีกประการคือ คนรุ่นใหม่ในประเทศไทยมักสนใจลงทุนในบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตสูงและสอดคล้องกับค่านิยมของพวกเขา เช่น บริษัทที่เน้นเทคโนโลยี พลังงานทดแทน และความรับผิดชอบต่อสังคม การเลือกลงทุนในบริษัทที่มีค่านิยมที่ตรงกับแนวทางการใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นสิ่งที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ เพราะพวกเขาต้องการไม่เพียงแค่ผลตอบแทนทางการเงิน แต่ยังต้องการผลกระทบที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
การแนะนำจากเพื่อนฝูงและกลุ่มสังคมออนไลน์ก็มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความสนใจในการลงทุน คนรุ่นใหม่มักจะได้รับแรงบันดาลใจจากการเห็นเพื่อนหรือผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียเริ่มลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งสร้างแรงกระตุ้นให้พวกเขาตัดสินใจเข้าร่วมและเริ่มลงทุนด้วยตัวเอง การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากผู้คนในกลุ่มออนไลน์ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ดูยากหรือซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่
รัฐบาลไทยเองก็ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการลงทุนในหมู่คนรุ่นใหม่ โดยการเปิดตัวแคมเปญต่างๆ ที่เน้นการเพิ่มความรู้ทางการเงิน รวมถึงการทำให้การเข้าถึงโอกาสในการลงทุนง่ายขึ้นผ่านกฎหมายและข้อบังคับที่เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ได้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์การลงทุนให้เหมาะสมกับนักลงทุนรุ่นใหม่ โดยมีตัวเลือกเช่น กองทุนรวมและกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETFs) ซึ่งมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำและเหมาะสมสำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุน
ในภาพรวม การที่คนรุ่นใหม่ในประเทศไทยหันมาลงทุนในตลาดหุ้นเป็นแนวโน้มที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการเงินของคนรุ่นใหม่ที่มีความเปิดกว้างในการใช้เทคโนโลยีและยอมรับวิธีการลงทุนที่ไม่เหมือนเดิม การเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินที่สะดวกขึ้นและการศึกษาทางการเงินที่ดีขึ้นทำให้คนรุ่นใหม่สามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และทำให้ตลาดหุ้นกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในอนาคต

