การจัดหาเงินทุนอย่างยั่งยืนและธนาคารสีเขียวในประเทศไทยไม่ใช่เพียงเรื่องของภาพลักษณ์ แต่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือทางการเงินที่เป็นรูปธรรมและแนวปฏิบัติด้านการบริหารความเสี่ยงที่กำลังพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ธนาคารกำลังเรียนรู้วิธีออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมไปกับการคงไว้ซึ่งความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการเงิน ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งทั้งในด้านกลไกทางการเงินและประเด็นด้านความยั่งยืน
องค์ประกอบหลักประการหนึ่งคือการตระหนักว่าความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมแปรเปลี่ยนเป็นความเสี่ยงทางการเงินได้ ความเสี่ยงทางกายภาพ เช่น น้ำท่วม พายุ และอุณหภูมิที่สูงขึ้น สามารถสร้างความเสียหายให้กับสินทรัพย์ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก และลดผลิตภาพ ขณะที่ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน เช่น การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป สามารถทำให้สินทรัพย์ที่ใช้คาร์บอนสูงสูญเสียมูลค่า ธนาคารไทยจึงพิจารณาความเสี่ยงเหล่านี้มากขึ้นในการประเมินเครดิต โดยเฉพาะในภาคส่วนที่มีการเปิดรับความเสี่ยงสูงต่อสภาพภูมิอากาศ เช่น พลังงาน เกษตรกรรม และอสังหาริมทรัพย์
ในบริบทนี้ พันธบัตรสีเขียวได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ เมื่อธนาคารหรือบริษัทไทยออกพันธบัตรสีเขียว รายได้จากการออกพันธบัตรจะถูกจัดสรรไปสู่โครงการที่ให้ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฟาร์มกังหันลม หรืออาคารประหยัดพลังงาน ผู้ออกพันธบัตรให้คำมั่นว่าจะรายงานอย่างโปร่งใสเกี่ยวกับการใช้เงินที่ได้จากการออกพันธบัตรและผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนว่าทุนของตนกำลังสนับสนุนผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนที่วัดผลได้
เงินกู้ที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือเชิงนวัตกรรม ตรงกันข้ามกับเงินกู้สีเขียวซึ่งใช้เพื่อโครงการเฉพาะ เงินกู้ประเภทนี้สามารถนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ทั่วไปของบริษัทได้ คุณลักษณะสำคัญคือการที่อัตราดอกเบี้ยของเงินกู้เชื่อมโยงกับการที่ผู้กู้บรรลุเป้าหมายด้าน ESG ที่ตกลงร่วมกัน ตัวอย่างเช่น บริษัทอาจได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง หากสามารถลดความเข้มข้นของการปล่อยคาร์บอน ลดการใช้น้ำ หรือเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงาน โครงสร้างนี้ทำให้รางวัลทางการเงินสอดคล้องกับการปรับปรุงด้านความยั่งยืน
กรอบการบริหารความเสี่ยงกำลังถูกปรับปรุงเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ธนาคารไทยเริ่มผนวกสถานการณ์ด้านสภาพภูมิอากาศเข้าไปในแบบจำลองการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) และการวิเคราะห์พอร์ตสินเชื่อ ธนาคารอาจประเมินว่าระดับราคาคาร์บอนที่แตกต่างกัน หรือเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว จะส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้อย่างไร การวิเคราะห์นี้ช่วยให้ธนาคารระบุภาคส่วนที่เปราะบาง ปรับวงเงินการปล่อยสินเชื่อ และให้ความสำคัญกับการสนับสนุนรูปแบบธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า
ในขณะเดียวกัน การเงินอย่างยั่งยืนยังเปิดโอกาสทางธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ประเทศไทยมีแผนที่ทะเยอทะยานในการขยายกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและภาคอุตสาหกรรม และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้มีความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศมากขึ้น ทุกภาคส่วนเหล่านี้ต้องการเงินทุนระยะยาว ซึ่งธนาคารมีศักยภาพที่จะจัดหาให้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยสีเขียว เงินกู้สำหรับการปรับปรุงอาคารให้ประหยัดพลังงาน และโครงสร้างเงินกู้โครงการสำหรับพลังงานสะอาดคือโอกาสที่ผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและผลตอบแทนทางการเงินสามารถสอดคล้องกันได้
กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมก็มีความสำคัญเช่นกัน ธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากในประเทศไทยดำเนินธุรกิจในภาคเกษตร การท่องเที่ยว และการผลิตเบา ซึ่งทั้งเปราะบางต่อสภาพภูมิอากาศและมีศักยภาพที่จะมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจสีเขียว ด้วยการนำเสนอบริการที่ปรึกษา เงื่อนไขพิเศษ หรือโครงสร้างการเงินผสมผสาน (blended finance) ธนาคารสามารถช่วยให้ SMEs ลงทุนในเทคโนโลยีและแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนมากขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันดีขึ้นพร้อมกับลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการติดฉลากผิดหรือ “การฟอกเขียว” ยังคงเป็นข้อกังวล หากปราศจากเกณฑ์ที่ชัดเจนและกลไกการตรวจสอบที่น่าเชื่อถือ ก็มีความเป็นไปได้ที่ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ทำการตลาดว่าเป็นผลิตภัณฑ์สีเขียวอาจไม่ได้สร้างประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง เพื่อบรรเทาความเสี่ยงนี้ ธนาคารไทยจึงหันไปอ้างอิงมาตรฐานและระบบการจำแนกสีเขียวในระดับสากรมากขึ้น รวมถึงมีการว่าจ้างผู้ตรวจสอบอิสระให้ประเมินกรอบแนวคิดของตน
โดยภาพรวม การพัฒนาด้านการจัดหาเงินทุนอย่างยั่งยืนและธนาคารสีเขียวในประเทศไทยเป็นทั้งกลยุทธ์เชิงป้องกันและเชิงรุก ด้านหนึ่งช่วยให้ธนาคารบริหารจัดการความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ธนาคารอยู่ในตำแหน่งที่สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อระเบียบวิธี ข้อมูล และกฎระเบียบมีความก้าวหน้ามากขึ้น เครื่องมือเหล่านี้จะมีบทบาทยิ่งใหญ่ในการชี้นำเงินทุนไปสู่กิจกรรมที่สนับสนุนเสถียรภาพด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมในระยะยาวของประเทศไทย

